วันอังคารที่ 14 กรกฎาคม พ.ศ. 2552

ภูมิแพ้ และกลิ่นปาก


คุณนฤมล อายุ 17 ปี น้ำหนัก 43 กิโลกรัม มีอาการภูมิแพ้ ที่เป็นมาตั้งแต่เด็กๆ ต้องกินยาหาหมอกันตลอดมา มีน้ำมูกไหล หายใจไม่ค่อยออกตลอด แต่ปัญหาที่หนักใจอยู่ตอนนี้ คือ อาการที่เป็นตุ่มเม็ดขึ้นและคันมาก เกาจนเป็นแผล เละไปแทบจะทั้งตัว ขาแขนลายพล้อยเลยทีเดียว

ตอนเด็กๆ ก็ยังไม่รู้สึกมาก คันน่ะคัน และเกาจนเลือดซิบๆมามาตลอด แต่ตอนนี้ “หนูเป็นสาวแล้ว” ปีหน้าจะเข้าเรียนมหาวิทยาลัยแล้ว ขืนขาลายอยู่อย่างนี้อายเขาแย่ ไม่กล้าใส่ชุดว่ายน้ำไปเล่นน้ำกับเพื่อนเลย ใส่แต่กางเกงขายาวปกปิดแผลไว้

ผู้ที่เป็นทุกข์ใจไม่น้อยกว่าเจ้าตัว ก็คือคุณแม่ ที่พยายามพาลูกไปรักษาตลอด หมอผิวหนังที่ไหนว่า เก่งต้องรีบพาลูกไปรักษา แต่จนแล้วจนรอด 10 กว่าปีแล้ว ก็ไม่ยอมหายสักที ถึงกับบนบานศาลกล่าวกับสิ่งศักดิ์สิทธิ์ ขอให้เจอหมอเก่งๆ รักษาลูกให้หายที

เมื่อได้อ่านประวัติคนไข้ที่เธอเขียนมา ก็ถึงบางอ้อว่าทำไมโรคที่เธอเป็นอยู่ไม่หายสักที ก็เธอมุ่งแต่หาหมอรักษาโรค ไม่ได้รักษาตัวเธอที่เป็นโรค เธอถึงได้จมอยู่กับโรคไม่ยอมหาย

ท่านผู้อ่านคงจะงงนะ เอ!! หมอแดงพูดอะไรเข้าใจยากเสียจริงผมขออธิบายเสริมว่า “เราเป็นตามสิ่งที่เรากิน เราเป็นตามสิ่งที่เราทำ” โรคที่เกิดขึ้นกับเธอไม่มีตัวเชื้อโรคเลย ถ้าจะแก้ไข ก็ต้องแก้ไขกันที่ “การกิน และพฤติกรรม” ซึ่งเป็นตัวก่อโรค ไม่ใช่ตัวเชื้อโรค สิ่งที่เธอกิน สิ่งที่เธอทำในอดีตนั้นมันผิด จึงก่อให้เกิดปัญหา ดังนั้นเธอจะต้องปรับเปลี่ยน แก้ไขให้มันถูกต้อง มัวแต่กินยา ทายา ฉีดยา พ่นยาอยู่ ก็รังแต่จะเป็นหนักขึ้นๆ

ลองมาดูพฤติกรรมของเธอๆ ดื่มน้ำเย็นตลอด เท่านั้นยังไม่พอ ตามด้วย น้ำอัดลม น้ำหวาน ช็อคโกแลตปั่น 2 แก้วต่อวัน น้ำผลไม้แยกกาก ส่วนใหญ่จะเป็นส้มอีก 1-2 แก้ว ซึ่งล้วนแล้วแต่เย็นๆทั้งนั้น

เธอเป็นภูมิแพ้ แสดงว่าปอด และไตเย็นชื้น ร่างกายจะเย็นเป็นส่วนใหญ่ แต่เธอยังกินแต่ของเย็นๆ ลงไปตลอดเวลา แถมนอนห้องแอร์เย็นอีก ร่างกาย อวัยวะภายในก็จะเย็นชื้น โดยเฉพาะปอด เมื่อเย็นชื้นก็จะเกิดเสมหะ หายใจไม่ออกแล้วที่ผิดมากก็คือทานอาหารแล้ว ดื่มน้ำเย็น 2 แก้ว บางมื้อมีน้ำผลไม้ หรือช็อคโกแลตปั่นเย็นๆ อีกด้วย ไฟย่อยอาหาร น้ำย่อย น้ำดีถูกทำลายเกลี้ยง อาหารก็ไม่ย่อย พากันเน่าเสีย เกิดเป็นสารพิษ แล้วถูกดูดซึมเข้าไปในกระแสเลือด แล้วก็เลือดที่เสียๆ นี่แหละที่ถูกส่งไปเลี้ยงส่วนต่างๆ ของร่างกาย ร่างกายก็ขับออกทางผิวหนังเป็นเม็ดพุพองหนองเต็มตัว ที่เราเรียกกันว่าน้ำเหลืองเสีย เลือดเสียนั่นแหละ

อีกท่าน เป็นสุภาพสตรีเช่นกัน อายุ 21 ปี ยังเป็นนักศึกษาอยู่ เป็นภูมิแพ้มาตั้งแต่เด็ก ตอนนี้ปวดดั้งจมูก หายใจไม่ค่อยออก เพิ่งไปหาหมอมา หมอก็บอกว่าเป็นเพราะภูมิแพ้ กินยาต่อไปตามปกติ กินจนชิน ถือเป็นเรื่องปกติของชีวิต ยังไม่มีวี่แววว่าจะหาย และเลิกกินยาได้เมื่อไหร่
แต่ที่มาหาหมอวันนี้เพราะปัญหา “กลิ่นปาก” เป็นปัญหาใหญ่มากสำหรับเธอและผู้ปกครองของเธอด้วย เพราะวันนี้มีคุณพ่อพามา คงพากันรักษามานาน “หนูเช็คตรวจฟัน ขัดฟัน ขูดหินปูน มาเรียบร้อยหมดแล้วนะคะ แต่กลิ่นปากก็ไม่หายไป จะมีกลิ่นหลังจากกินข้าว 20 นาที และหลังแปรงฟัน” เธอว่ามา

อาการที่เกิดขึ้นกลับสาวสวยท่านนี้ แทบไม่ต้องดูประวัติคนไข้ที่เธอเขียนให้มา ผมก็ฟันธงได้เลย ว่าเป็นเพราะ “อาหารไม่ย่อย” เพราะเจอคนไข้ที่เป็นอย่างนี้มากมาย ประเภทกินน้ำไม่เป็น สักแต่ว่าดื่มน้ำมากๆ ตามเขาว่ากัน ก็ดื่มๆ ตามเขาไป แต่กินผิดวิธี ผิดเวลา

นักศึกษาสาวสวยท่านนี้ก็มีพฤติกรรมในการดื่มน้ำเหมือนกับนักศึกษาตามสถานศึกษาที่มีชื่อเสียง ทั่วไปที่ผมเคยเห็นมา เวลาทานอาหารจะสั่งน้ำมาเป็นขวด 500-750 ml. แล้วก็กินไปดื่มน้ำไป อิ่มแล้วก็ดื่มน้ำต่อ จนน้ำหมดขวด สาวสวยท่านนี้ ดื่มน้ำหลังอาหาร 750 ml. อยู่บ้านก็คงดื่มน้ำมากเช่นกัน แถมน้ำเย็นด้วย และยังมีชาเขียวแช่เย็นอีกด้วย

นี้คือพฤติกรรมที่ทำกันเป็นส่วนมาก มันเป็นเส้นผมบังภูเขา ไม่รู้ หรือคิดไม่ถึงว่า กระเพาะมันจะย่อยอาหารได้อย่างไร ในเมื่อน้ำเข้าไปดับไฟย่อยอาหาร น้ำดี น้ำย่อยหมด อาหารที่กินเข้าไปก็หมักเน่าเสียอยู่ในกระเพาะ ลำไส้ เป็นแก๊ส ลอยขึ้นมาออกปาก ออกจมูก ทำให้มีกลิ่นปากเมื่อออกทางปาก แล้วจะแปรงฟันกี่ครั้งล่ ะถึงจะหาย มันหายไปไม่ได้แน่ เพราะเรามีโรงงานแก๊สที่ผลิตแก๊สอยู่ในท้องตลอดเวลา ไม่ว่าหลับหรือตื่นไม่มีชั่วโมงพัก แล้วแก๊สนั้นก็พากันดันออกมาตลอดเวลา

ที่ว่าหลังอาหาร 20 นาทีจะมีกลิ่นออก ก็เพราะว่าอาหาร และน้ำที่กินเข้าไปตอนแรกมันไปกลบ ไปปิดทางออกไว้กลิ่นก็ออกมาไม่ได้ สักพักพอทางออกเปิดได้หน่อย กลิ่นก็จะพากันพวยพุ่งขึ้นมาก็ลองคิดดูเถอะว่ากลิ่นนั้นจะมาจากไหน ในเมื่อฟันเราก็ดี ให้หมอฟันตรวจเช็คมาอย่างดีแล้ว ก็ต้อง ขึ้นมาจากกระเพาะลำไส้ ตามหลอดอาหารแล้วออกทางปาก จมูก จนปวดดั้งจมูกด้วย และเมื่ออาหารที่กินแล้วย่อยไม่ได้ ก็จะเกิดเป็นของเสีย เป็นมูก เป็นเมือก เสมหะ เสลด เข้าไปอุดตันตามช่องทางต่างๆ แล้วร่างกายเราก็พยายามกำจัดออกมาเป็นน้ำมูก เสมหะ แล้วเราก็ยังกินยาลดเสมหะ กินยาลดน้ำมูกเข้าไปอีก ของเสียเหล่านั้นแทนที่จะออกมาก็ออกไมได้ สะสมเรื่อยไป และยิ่งเน่าเสียมากขึ้น

นี่แหละวิถีชีวิตของคนไข้ ก็รักษากันวนเวียนอยู่อย่างนี้ ชาตินี้ก็ไม่มีทางรักษาหาย

โดย www.the-arokaya.com

0 ความคิดเห็น on "ภูมิแพ้ และกลิ่นปาก"

แสดงความคิดเห็น

 

Followers

เกี่ยวกับฉัน

รูปภาพของฉัน
กรุงเทพฯ, Thailand
ปริญญาตรี คณะเศรษฐศาสตร์ ม.เกษตรศาสตร์ KU58, ปริญญาโท บริหารธุรกิจ ม.เทคโนโลยีพระจอมเกล้าธนบุรี 2548

เคล็ดลับสาวพันปีกับอาหารเพื่อสุขภาพ Copyright 2009 Shoppaholic Designed by Ipietoon Image by Tadpole's Notez