วันจันทร์ที่ 13 กรกฎาคม พ.ศ. 2552

ดับควันธูปลดมะเร็งร้าย


ในวันที่ 14 ก.ค. 2552 นี้ โครงการรณรงค์ดับควันธูป สำนักโรคไม่ติดต่อ กรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข จะเปิดแถลงข่าวและเริ่มเชิญชวนประชาชนให้ช่วยกันรณรงค์ดับควันธูปเพื่อลดโลกร้อน หย่อนควันพิษทอนฤทธิ์มะเร็ง ภายใต้การสนับสนุนของสมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าจุฬาภรณวลัยลักษณ์ อัครราชกุมารี เนื่องจากสถาบันจุฬาภรณ์ ซึ่งมีสมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าจุฬาภรณวลัยลักษณ์ อัครราชกุมารี ทรงเป็นพระองค์หนึ่งในคณะวิจัยได้ศึกษาผลกระทบสุขภาพของผู้ที่ได้รับควันธูปที่มีสารก่อมะเร็งอย่างน้อย 3 ชนิด คือ เบนซีน 1, 3 บิวทาไอดีน และ PAH ด้วยการศึกษาวิจัยเปรียบเทียบระหว่างคนงานที่ได้รับควันธูปจากการปฏิบัติงานภายในวัดใหญ่ 3 แห่ง ที่ จ.พระนครศรีอยุธยา ฉะเชิงเทรา และสมุทรปราการ จำนวน 40 คน กับคนงานในหน่วยงานที่ไม่มีการจุดธูปจำนวน 25 คน

ผลการวิจัยครั้งนี้ชี้ให้เห็นว่าควันธูปเป็นอันตรายต่อสุขภาพ การสูดดมควันธูปเป็นระยะเวลานาน ทำให้มีความเสี่ยงต่อการได้รับสารก่อมะเร็งที่ก่อให้เกิดความผิดปกติต่างๆ ของสารพันธุกรรม และทำให้ศักยภาพในการซ่อมแซมความผิดปกติของ DNA ลดลง ซึ่งความปกติเหล่านี้เป็นกลไกส่วนหนึ่งที่จะนำไปสู่การเป็นโรคมะเร็ง

ทั้งนี้ เนื่องจากธูปทำมาจากขี้เลื่อยกาวน้ำมันหอมสกัดจากพืช ไม้หอม ใบไม้ เปลือกไม้ รากไม้และเมล็ดพืชเรซิน และสารเคมีที่ใช้ในอุตสาหกรรมน้ำหอมพอกอยู่บนก้านไม้ธูปมีหลายรูปแบบหลายขนาด ตั้งแต่เล็กถึงใหญ่มากๆ เผาไหม้หมดในเวลา 20 นาที ถึง 3 วัน 3 คืน การเผาไหม้ของธูปจะปล่อยสารต่างๆ มากมาย มีทั้งฝุ่นละอองขนาดเล็ก ก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ คาร์บอนมอนอกไซด์ ไนโตรเจนออกไซด์ มีเทน และสารก่อมะเร็งหลายชนิด เช่น
- สาร PAH ซึ่งพบว่ามีความสัมพันธ์กับมะเร็งปอด ผิวหนังและกระเพาะปัสสาวะ
- สารเบนซีนสัมพันธ์กับมะเร็งเม็ดเลือดขาว
- และสาร 1, 3 บิวทาไดอีน สัมพันธ์กับมะเร็งของระบบเลือด

ควันธูปนอกจากจะเป็นมลพิษทางอากาศที่สำคัญภายในบ้านในอาคารสถานที่ทำงาน วัด และศาลเจ้าที่มีการจุดธูปแล้ว การจุดธูปยังถือเป็นอีกหนึ่งพฤติกรรมในกิจกรรมของมนุษย์ที่ส่งผลให้เกิดภาวะโลกร้อนเป็นอย่างมาก โดยคาดว่ามีคนจุดธูปทั่วโลกปีหนึ่งๆ นับเป็นหมื่นเป็นแสนตัน

เพราะหากจะย้อนไปในอดีตจะเห็นได้ว่าการจุดธูปเป็นพิธีกรรมที่ชาวอียิปต์ใช้สักการะเทพเจ้าด้วยควันที่มีกลิ่นหอม วัฒนธรรมนี้ได้แพร่ขยายเข้าไปในประเทศกรีก และโรมันโบราณ และเข้าสู่ศาสนาฮินดูและศาสนาพุทธในอินเดีย จากนั้นก็แพร่ไปยังประเทศต่างๆ ในตะวันออกไกล ประเทศไทย เกาหลี ญี่ปุ่น และจีน ในประเทศไทย คนไทยจุดธูป 1 ดอก เพื่อเคารพบูชาบรรพบุรุษและบุคคลที่ล่วงลับไปแล้ว จุดธูป 3 ดอก เพื่อบูชา พระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ บางคนจุดทีเดียว 9 ดอก หรือมากกว่า เพื่อบูชาสิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่ตนเคารพนับถือ จึงคาดกันว่าการจุดธูป ในประเทศไทยแต่ละปีนั้นมีไม่น้อยเลย

จากผลการวิจัยปริมาณสารที่ก่อมะเร็งในควันธูป ทำให้สมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าจุฬาภรณวลัยลักษณ์ อัครราชกุมารี ทรงมีความห่วงใยในสุขภาพของประชาชนคนไทยเป็นอย่างยิ่ง พระองค์จึงสนพระทัยและให้การสนับสนุนแก่สำนักโรคไม่ติดต่อ กรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข ในโครงการรณรงค์ดับควันธูปในครั้งนี้ เพื่อช่วยให้คนไทยได้ปรับเปลี่ยนพฤติกรรมในการสักการะสิ่งศักดิ์สิทธิ์ เพื่อประโยชน์ของสุขภาพอนามัยของประชาชนและช่วยในการที่จะลดการปลดปล่อยมลพิษ และก๊าซเรือนกระจกลดภาวะวิกฤตโลกร้อนและช่วยลดอุบัติการณ์ที่จะก่อให้เกิดโรคมะเร็งด้วย ซึ่งการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมในการจุดธูปนี้อาจจะทำได้ในหลายแนวทาง ดังนี้

1.ใช้ธูปที่มีขนาดสั้นลงหรือเป็นแบบชนิดไฟฟ้า
2.หากจำเป็นต้องจุดธูปควรตั้งกระถางธูปไว้ภายนอกอาคารที่อากาศถ่ายเทสะดวก
3.จุดธูปแล้วรีบดับโดยจุ่มลงในน้ำหรือทราย
4.อาจสักการะได้โดยการพนมมือหรือถือธูปไว้ได้โดยไม่จุดแล้วระลึกถึงสิ่งที่เราจะสักการะ
5.อาจไหว้พระออนไลน์ ซึ่งเราสามารถจุดธูปเทียนถวายดอกไม้ ปิดทองพระ ท่องบทสวดมนต์ ภาวนาจิตผ่านคอมพิวเตอร์ได้


สมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าจุฬาภรณวลัยลักษณ์ อัครราชกุมารี ทรงตระหนักว่าการจุดธูปเป็นวัฒนธรรมที่มีรากฐานจากความเชื่อที่มีมาแต่โบราณสืบทอดกันต่อๆ มา ว่าทำให้สิ่งที่เราสักการะรับรู้ถึงการกระทบของเรา การจุดธูปนั้นก่อให้เกิดความสุขทางจิตใจ แต่สิ่งที่เราคาดไม่ถึงคือการส่งผลให้เกิดมลภาวะโลกร้อน และอาจทำให้เกิดโรคมะเร็ง คนไทยจึงควรจะปรับเปลี่ยนความเชื่อและพฤติกรรมนี้ใหม่ โดยหันมาคำนึงถึงการดูแลรักษาสิ่งแวดล้อมและสุขภาพอนามัยของเรา ด้วยการรณรงค์ให้คนทั่วโลกลดการจุดธูปโดยเริ่มต้นจากคนไทยเราก่อน

ในโอกาสวันคล้ายวันประสูติในสมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าจุฬาภรณวลัยลักษณ์ อัครราชกุมารี ซึ่งมีพระชันษาครบ 52 พรรษา ในวันที่ 4 ก.ค. ที่ผ่านมานี้ จึงขอเชิญชวนคนไทยให้ช่วยกันปรับเปลี่ยนพฤติกรรมในการจุดธูปมาช่วยกันรณรงค์ดับควันธูปเพื่อสนองพระปณิธานที่ทรงปรารถนาให้ประชาชนคนไทยมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น และอยู่อย่างมีความสุขปลอดจากมลพิษ และภัยร้ายจากโรคมะเร็ง เพื่อสนองพระเดชพระคุณในวันคล้ายวันประสูตินี้โดยทั่วกัน

ที่มา : www.posttoday.com

0 ความคิดเห็น on "ดับควันธูปลดมะเร็งร้าย"

แสดงความคิดเห็น

 

Followers

เกี่ยวกับฉัน

รูปภาพของฉัน
กรุงเทพฯ, Thailand
ปริญญาตรี คณะเศรษฐศาสตร์ ม.เกษตรศาสตร์ KU58, ปริญญาโท บริหารธุรกิจ ม.เทคโนโลยีพระจอมเกล้าธนบุรี 2548

เคล็ดลับสาวพันปีกับอาหารเพื่อสุขภาพ Copyright 2009 Shoppaholic Designed by Ipietoon Image by Tadpole's Notez