วันเสาร์ที่ 29 สิงหาคม พ.ศ. 2552

13 สาเหตุอาการอ่อนเพลีย

0 ความคิดเห็น

13 สาเหตุ ทำให้ไม่มีเรี่ยวแรง + อ่อนเพลีย
13 คำตอบ เวลาที่คุณรู้สึกไม่มีเรี่ยวแรง
เวลาที่เราอ่อนเพลีย เรามักโทษความเครียดและการนอนน้อย แต่ยังมีสิ่งผิดปกติอื่นอีกที่สามารถสูบพลังจนหมดตัวคุณได้ โชคดีที่เรามีวิธีเรียกพลังใจและกายกลับคืนมา

1. ใช้โทรศัพท์มากเกินไป
คุณจะเสียน้ำในร่างกายไปทางปากขณะพูด ซึ่งเป็นอาการที่เรียกว่า Phone-Fatigue ซึ่งเป็นปัญหาใหญ่สำหรับพนักงานตามศูนย์บริการลูกค้า อาการขาดน้ำทำให้เลือดแข็งตัวและลดปริมาณออกซิเจนในระบบที่เป็นตัวให้ พลังงาน ดังนั้น ถ้าคุณใช้โทรศัพท์นาน ควรดื่มน้ำมากๆ ระหว่างคุย

2. ความดันเลือดต่ำ
ความดันเลือดต่ำคือสาเหตุใหญ่ที่คุณหมดแรง แพทย์ยังไม่รู้ว่าทำไม แต่เป็นไปได้ว่ามันทำให้เลือดส่งไปยังสมองไม่เต็มที่ ซึ่งอาจทำให้อ่อนเพลีย อาการที่พบได้บ่อยที่สุดในคน ที่มีความดันเลือดต่ำคือ รู้สึกหน้ามืดเวลาลุกขึ้นปุบปับ หรือเวลายืนนานๆ ถ้าคุณมีอาการเหล่านี้ควรปรึกษาแพทย์

3. เล่นเน็ตดึกเกินไป
ฮอร์โมนเมลาโตนิน (Melatonin) จะกระตุ้นให้เรานอนหลับ แต่แสงจากจอคอมพิวเตอร์อาจทำให้เราหลับยาก โดยเฉพาะเมื่อคุณกำลังดูสิ่งที่สนใจอยู่ ซึ่งทำให้คุณมักนอนดึก และมีเวลานอนหลับน้อยลง ให้คุณทำอย่างอื่นที่ผ่อนคลายกว่า เช่น อ่านหนังสือแล้วดูสิว่าคุณจะตื่นตัวมากกว่าเดิมในวันใหม่หรือเปล่า

4. กินอาหารไม่เต็มที่
การเฝ้ารออาหารจะเพิ่มปริมาณน้ำย่อย และทำให้เราดูดซับสารอาหารได้มากขึ้นที่มันเกี่ยวกับอาการอ่อนเพลียก็เพราะ การข­าดธาตุเหล็กคือหนึ่งในสาเหตุของความอ่อนเพลียที่พบมากใ นผู้หญิง ดังนั้นไม่ว่าอะไรที่เพิ่มระดับสารอาหารให้คุณ ก็จะเพิ่มพลังใจและกายให้ด้วย

5. ไม่ออกกำลัง
นักวิจัยพบว่าคนที่ออกกำลังอย่างน้อย 20 นาที แม้จะแค่อาทิตย์ละครั้งก็จะรู้สึกอ่อนเพลียน้อยกว่า คนที่ไม่ออกกำลังเลยประมาณ 30% ถ้าเห็นว่าออกกำลังเป็นเรื่องยากเกินไปให้คุณกินผักและผลไม้เพิ่ม คนที่กินผักผลไม้อย่างน้อย 4 – 5 จานต่อวันจะออกกำลังได้อย่างสบายๆ

6. อิทธิพลของเดือนเกิด
ถ้าคุณเกิดเดือนธันวาคม หรือมกราคม จะอ่อนเพลียในช่วงเย็นมากกว่าคนที่เกิดเดือนมิถุนายน หรือกรกฎาคมที่จะขี้เซาในยามเช้า นักวิทยาศาสตร์บอกว่า การสัมผัสของแสงแดดยามเช้าประมาณ 15 นาที จะทำให้คนประเภทหลังตาสว่าง ส่วนกาแฟยามบ่ายจะเพิ่มพลังให้กับคนประเภทแรก

7. กรามแข็ง
คุณสามารถใส่นิ้ว 3 นิ้วเรียงเป็นแนวตั้งเข้าปากพร้อมกันหรือเปล่า ถ้าไม่ได้ คุณคงมีปัญหาที่เรียก ว่า โรค TMJ (TemporomandiBular Joint Disorder) แพทย์บอกว่ามันคือความไม่สมดุลระหว่างกล้ามเนื้อใกล้กราม และตำแหน่งของฟัน อาการทั่วไปคืออ่อนเพลีย และปวดหัว ปวดคอ หรือไหล่ ควรปรึกษาทันตแพทย์

8. ธรณีหน้าต่างสกปรก
จากการวิจัยพบว่า 88% ของบ้านทั่วไปจะมีราขึ้นตามหน้าต่าง และการแพ้เชื้อราเหล่านี้เองคือ สาเหตุหนึ่งของความอ่อนเพลีย ใช้ผงซักฟอกทำความสะอาดและตรวจดูผ้าม่านอาบน้ำของคุณด้วยว่ามีราหรือเปล่า

9. ไม่ได้เอาผ้าห่มไปผึ่งแดด
ระดับความขึ้นสูงทำให้ไรฝุ่นเติบโต?ด้ดี มันอาจกระตุ้นให้เกิดการอักเสบตามหลอดลมในปอด ทำให้หายใจติดขัดและนอนหลับไม่สนิท และเป็นสาเหตุของความอ่อนเพลียในวันต่อมา นำผ้าห่มผึ่งแดด เป็นประจำเมื่อความชื้นหมดไป ก็ไม่มีไรฝุ่น

10. เชื่องช้า งุ่มง่าม
ร่างกายจะใช้พลังงานมากขึ้นเมื่อคุณงุ่มง่าม เพราะปริมาณกลูโคสเข้าสู่สมองน้อยลง คุณเลยอ่อนเพลีย การผ่อนคลายกล้ามเนื้อที่ตึงเครียดทำได้โดยเหวี่ยงแขนไปหน้าและหลัง สลับทีละแขน

11. อยู่ใกล้คนมองโลกในแง่ร้าย
คนที่มองทุกอย่างในแง่ร้ายจะฉุดพลังคุณหดหายไปด้วย เพื่อลดอิทธิพลของพวกเขาให้จินตนาการว่า คุณกำลังใส่เสื้อคลุมสีดำเวลาคุยกันก็จะยับยั้งไม่ให้คุณดูดพลังแง่ลบจากพวก เขา­ได้

12. อยู่ใกล้เครื่องใช้ไฟฟ้ามากเกินไป
ขั้วบวกที่มาจากอุปกรณ์อิเล็กโทรนิกส์ หรือเครื่องปรับอากาศอาจกระตุ้นให้เกิดฮอร์โมนที่ทำให้เราอ่อนเพลียและซึม เศร้า ให้เสียบปลั๊กตัวแปลงขั้วไฟฟ้าเพื่อเพิ่มระดับของขั้วลบที่เ สริมพลังในอากาศ

13. ลืมดื่มกาแฟตอนเช้า
ถ้าคุณไม่ได้ดื่มกาแฟยามเช้า พลังกายและใจอาจตกวูบในวันนี้ จากงานวิจัยพบว่าผู้ร่วมวิจัย 50%
read more “13 สาเหตุอาการอ่อนเพลีย”

วันอังคารที่ 25 สิงหาคม พ.ศ. 2552

เกร็ดที่ไม่เคยรู้ของการออกกำลัง

0 ความคิดเห็น

1. วิธีออกกำลังกายที่ดีที่สุดคือการใช้กล้ามเนื้อมัดใหญ่อย่างน้อย 1 ใน 6 ส่วนของร่างกายอย่างต่อเนื่องสม่ำเสมอ โดยใช้หลัก F.I.T F-Frequency 1 สัปดาห์ ออกกำลังกายอย่างต่อเนื่อง 3 วัน อย่างมาก 6 วัน I-Intensity ความหนักในการออกกำลังกาย ใช้อัตราการเต้นของชีพจรเป็นเกณฑ์ให้ได้ประมาณระหว่างร้อยละ 70-90 ของอัตราการเต้นสูงสุดของหัวใจ ซึ่งสามารถคำนวณได้จากการนำอายุไป ลบออกจากเลข 220 คูณ 70 ถึง 90 หาร 100
ตัวอย่างเช่น : อายุ 20 ปี จะใช้ความหนักในการออกกำลังกาย (220-20) x 70 ถึง 90 หาร 100 เท่ากับ 140 ถึง 180 ครั้งต่อนาที และ T-Timeช่วงเวลาในการออกกำลังกายแต่ละวัน อย่างน้อย 10-15 นาที ใน 6 วัน อย่างมาก 30-45 นาที ใน 3 วัน
2. ดื่มนมช็อกโกแลตคลายเมื่อยล้า ผลวิจัยจากมหาวิทยาลัยนอร์ตัมเบรีย อังกฤษ (UK) ศึกษาพบว่า นมช็อกโกแลตช่วยให้ปั่นจักรยานได้นานกว่าเครื่องดื่มบำรุงกำลังหลังเล่นกีฬา 51% และนานกว่าเครื่องดื่ม เกลือแร่ 43% การศึกษานี้สอดคล้องกับการศึกษาอื่นๆ คือ นมไขมันต่ำช่วยให้ร่างกายฟื้นตัวหลังออกแรง-ออกกำลังได้ดีกว่าเครื่องดื่มชนิดอื่น เพราะอาหารที่มีโปรตีนช่วยให้กล้ามเนื้อฟื้นตัวหลังออกกำลัง น้ำตาลนม หรือแล็กเทส (Lactate) ในนมช่วยให้กล้ามเนื้อคลายตัว ทำให้ระดับของเสีย (Lactate) ในกล้ามเนื้อลดลง จึงคลายอาการปวดเมื่อย
3. อิ่มแล้วออกกำลัง ช่วยให้ผอม คณะนักวิทยาศาสตร์มหา- วิทยาลัยเซอร์เรย์ และอิมพีเรียล คอลเลจ ลอนดอน ร่วมกันรายงานผลการศึกษา ในวารสารวิชาการแพทย์ ‘ต่อมไร้ท่อวิทยา’ ว่าการออกกำลังทันทีหลังจากกินจนอิ่มช่วยให้อดอาหารได้นานขึ้น และผอมลง เพราะร่างกายจะขับฮอร์โมนสะกดความหิวในขณะ ถูกใช้งาน ตัวอย่างที่เห็นได้ชัดก็คือ ผู้ที่ออกกำลังกายอยู่ประจำ ปกติจะรู้สึกไม่สู้หิวหลังออกกำลังเสร็จใหม่ๆ และ จะยังคงเป็นอยู่ จนถึงเวลากินมื้อหน้า และนี่นับเป็นการค้นพบ รูปแบบชีวิตที่มั่นคงและถูกสุขลักษณะที่กำลังเกรียวกราวในวงการสุขภาพ
4. อย่าออกกำลังกายทันทีที่ตื่นนอน เวลาที่เราเพิ่งตื่น ร่างกายจะยังปรับตัวเข้ากับ สภาพแวดล้อมได้ไม่เต็มที่ ถ้าออกกำลังกายอาจจะบาดเจ็บ
5. ไม่ออกกำลังตอนเช้ามืด ผู้เชี่ยวชาญศึกษาพบว่า ก่อนดวงอาทิตย์จะขึ้น ต้นไม้จะยังคงขับก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ออกมา
6. ดื่มน้ำ 1 แก้วก่อนออกกำลังกาย 6-8 ชั่วโมง ที่เราหลับ ความเข้มของเลือดจะเพิ่มขึ้นและผิวหนังก็คายน้ำออกมาตลอดเวลา จึงควรดื่มน้ำอย่างน้อยหนึ่งแก้ว ก่อนออกกำลัง เพื่อป้องกันอาการหน้ามืด
7. ไม่ออกกำลังตอนหมอกลง หมอกมักเกิดพร้อมความดันอากาศต่ำ ทำให้มีมลพิษในอากาศมากกว่าปกติ คนที่อยู่ท่ามกลางหมอกถึงมักจะหายใจได้ไม่สะดวก และเป็นโรคปอดได้ง่าย ถ้าออกกำลังกลางหมอก
8. อย่าอาบน้ำทันทีขณะออกกำลัง รูขุมขนจะเปิดเพื่อขับเหงื่อ ถ้าถูกน้ำราดลงมา เส้นเลือดก็จะหดตัวลงทันที ทำให้ภูมิคุ้มกันลดลง ทำให้เป็นหวัดกันได้ง่ายๆ ระบบ การหายใจติดขัดจนอาจช็อกได้
9. ไม่ดื่มน้ำเย็นจัดหลังออกกำลังกาย การน้ำเย็นจัดๆ ดื่มหลังจากจ๊อกกิ้งมาหมาดๆ จะทำให้กระเพาะหดตัวเฉียบพลัน และอาจจะปวดท้องหรือท้องเสียได้
10. ไม่กินอาหารทันทีหลังออกกำลัง ขณะออกกำลัง เลือดลมจะสูบฉีดไหลเวียน ไปทั่วตัว ทำให้กระเพาะและน้ำย่อยมีประสิทธิภาพต่ำ การกินอาหารทันที หลังออกแรง อาหารจะถูกย่อยช้า จนเกิดอาการท้องอืดท้องเฟ้อ
11. ตรวจก่อนอุ่นใจกว่า ถ้ามีอายุมากกว่า 35 ปี ควรตรวจสุขภาพว่ามีโรคหัวใจหรือไม่ก่อนการออกกำลังกาย
12. ไม่สบายไม่ฝืน ควรงดการออกกำลังกาย ในขณะเจ็บป่วย มีไข้ พักผ่อนไม่พอ
13. ออกกำลังในอุณหภูมิปกติ ควรหลีกเลี่ยงสภาพอากาศที่ร้อนจัดหนาวจัด ฝนฟ้าคะนอง มลภาวะมาก และสวมเสื้อผ้าที่เหมาะสม
14. หยุดเมื่อมีสัญญาณเตือน ควรพักหากมีอาการแน่นหน้าอก คลื่นไส้ อาเจียน และไปพบแพทย์
ที่มา : kapook.com
read more “เกร็ดที่ไม่เคยรู้ของการออกกำลัง”

วันอังคารที่ 11 สิงหาคม พ.ศ. 2552

เคล็ดลับการนอนหลับสบาย

0 ความคิดเห็น
การนอนหลับในอุดมคติ คือ สามารถหลับได้ในเวลาอันรวดเร็ว หลับลึกต่อเนื่องเป็นเวลานาน และตื่นขึ้นมาอย่างสดชื่น แต่ความจริงมีน้อยคนที่จะโชคดีแบบนี้ เพราะคนส่วนใหญ่มีอัตราการตื่นเฉลี่ย 2-3 ครั้งต่อคืน

การนอนหลับของคนเรานั้นมี 2 ช่วง คือ ช่วงหลับธรรมดา (Non-rapid eye movement sleep: NREM) ที่แบ่งย่อยได้ถึง 4 ระยะ และช่วงหลับฝัน (Rapid eye movement sleep: REM) รายละเอียดแต่ละช่วงมีดังนี้ค่ะ

ช่วงหลับธรรมดา
•ระยะที่ 1 หรือระยะหลับตื้น เป็นระยะที่ยังหลับไม่สนิท ครึ่งหลับครึ่งตื่น

•ระยะที่ 2 หรือระยะหลับจริง มักเกิดขึ้นภายใน 10 นาทีของการหลับตื้น ช่วงนี้อุณหภูมิร่างกายจะลดลง ส่วนอัตราการเต้นของหัวใจและการหายใจจะเป็นไปอย่างสม่ำเสมอ

•ระยะที่ 3 และ 4 หรือระยะหลับลึก เป็นช่วงเวลาสำคัญที่ร่างกายจะฟื้นฟู ซ่อมแซมส่วนที่สึกหรอ สภาพทั่วไปขณะหลับจะมีแรงดันเลือดลดลง หายใจช้าลง รวมทั้งกล้ามเนื้อทำงานน้อยลงด้วย ผู้ที่หลับในระยะนี้มักจะตื่นยาก

ช่วงหลับฝัน
การนอนหลับในระยะนี้จัดเป็นอีกช่วงเวลาสำคัญที่ร่างกายยังคงฟื้นฟูตัวเองต่อเนื่องจากช่วงที่แล้ว และเป็นระยะที่เราจะเกิดความฝัน สภาพทั่วไปขณะนี้จะมีการหายใจค่อนข้างไม่สม่ำเสมอ

การนอนหลับ จะเป็นไปตามจังหวะสลับกันไปมา 4 รอบ ระหว่างหลับตื้นและหลับลึก กินเวลาเฉลี่ยรอบละราว 90-110 นาที โดยแบ่งเป็นหลับตื้น 75 เปอร์เซ็นต์และหลับลึกอีก 25 เปอร์เซ็นต์ ส่วนช่วงหลับธรรมดากับหลับฝันนั้นจะสลับกันไปมาตลอดคืนเช่นกัน โดยคิดเป็นหลับธรรมดา 75 เปอร์เซ็นต์และหลับฝันเพียง 25 เปอร์เซ็นต์

วิธีนอนหลับให้เป็นสุข
การนอนให้หลับอาจจะไม่ใช่เรื่องยากเย็นอะไร ถ้าเรารู้ปัญหาและแก้ให้ถูกจุด ลองวิธีที่เราแนะนำก่อนไหมคะ

1. หากิจกรรมให้ตัวเองเหน็ดเหนื่อย ถ้านั่งทำงานทั้งวัน ก็ต้องหาเวลาออกกำลังกาย หรือถูบ้านกวาดหยากไย่ กินข้าวเย็นเร็วหน่อย อย่าโอ้เอ้ไปจนใกล้เวลานอน เดินเล่น ทำ งานเบาเวลาเย็นๆค่ำๆ รดน้ำต้นไม้ อ่านหนังสือเบาๆพวกนิตยสาร ไม่ดูทีวีที่มีเรื่องราวน่า ตื่นเต้น

2. สังเกตว่าเราอ่อนเพลีย ง่วงนอน หรืออยากจะหลับในช่วงไหน เวลาช่วงนี้จะ ค่อนข้างใกล้เคียงกันในแต่ละวัน เข้านอนในเวลาที่ง่วงทันที การยื้อเวลาออกไปทำให้หลับ ยาก ควรเข้านอนและตื่นให้ตรงเวลาเป็นประจำทุกๆวันจะช่วยให้นอนหลับได้ดีขึ้น

3. คนเราหลับเป็นช่วงๆ ตื้นและลึก ช่วงละ 2 ชั่วโมง ช่วงหลับลึกจะปลุกให้ตื่นก็ยาก ถ้าตื่นแล้วจะนอนหลับต่อก็ยาก ไม่ต้องบังคับตัวเองให้หลับถ้าทำไม่ได้ อ่านหนังสือสบายๆ หางานเบาๆทำ รอเวลาง่วงรอบต่อไปจะมาถึงอีก นอนในช่วงนั้นจะหลับง่ายกว่า อย่าเปิด ไฟสว่างจ้า หรือลุกขึ้นมาออกกำลังกาย ควรจะอยู่แบบสงบสบายๆ

4. วางแผนไว้ในตอนเย็น ว่าจะไม่พกพาปัญหาหรือเรื่องกวนใจมาคิดตอนนอน เขียนสิ่งที่เป็นปัญหาหรือความกังวลไว้แทน เท่ากับช่วยระบายออกไปแล้ว ไม่ต้องเก็บมาคิดอีก ก่อนนอน

5. เมื่อหลับพอแล้ว อย่าทนนอนต่อเพื่อให้ครบชั่วโมงที่ต้องการ ตื่นเถอะ แล้วจะทำให้ เราสดชื่นไปตลอดวัน ถ้าวันไหนตื่นเช้ากว่าปกติ โดยไม่งัวเงียเลย แปลว่าเรานอนพอแล้ว เริ่มต้นวันใหม่อย่างสดชื่นได้เลย

6. ในมื้อเย็น ลดอาหารพวกเนื้อสัตว์หรืออาหารโปรตีน ใช้แป้งเป็นหลัก กินพวก เมล็ดทานตะวันอบ กล้วยหอม นมพร่องมันเนย มันเผา สาหร่ายทะเล ฟักทอง ซึ่งมีสาร แอลทริปโทแฟนซึ่งเป็นสารช่วยให้นอนหลับสูง

7. หลัง 4 โมงเย็นไปแล้ว พยายามงดพวกชา กาแฟ หรือเหล้าเบียร์ การดื่มแอลกอฮอล์เพื่อช่วยให้หลับ จะทำให้ระบบการนอนหลับของเราไม่เป็นไปตามธรรมชาติ จนไม่สามารถหลับเองได้

8. ไม่ควรใช้ยานอนหลับติดต่อกันนาน 1 เดือน และต้องปรึกษาคุณหมอก่อนใช้

9. อย่าออกกำลังกายใกล้เวลานอน

10. สร้างบรรยากาศการนอนให้ร่างกายผ่อนคลาย เช่น อาบน้ำอุ่น อ่านหนังสือเบาๆ ฟังเพลง
อ่านไปอ่านมาชักจะง่วงๆ แล้วใช่ไหมล่ะ เอาละ คืนนี้ขอให้นอนหลับฝันดีกันถ้วนหน้านะคะ
ข้อมูลจาก :
- ศูนย์ตรวจการนอนหลับ โรงพยาบาลเทพธารินทร์
- หนังสือ นอนไม่หลับกำจัดได้ แปลและเรียบเรียงโดย คเณศ,
- หลับอย่างสงบ โดย น.พ.พิชัย เจริญพานิช

จากนิตยสาร Life & Family
read more “เคล็ดลับการนอนหลับสบาย”

วันอังคารที่ 4 สิงหาคม พ.ศ. 2552

อาหารที่ควรหลีกเลี่ยงจากอบรม GMP

0 ความคิดเห็น
อาหารที่ควรหลีกเลี่ยงจากการอบรม เรื่องเกี่ยวกับการทำ GMP ของโรงงานผลิตอาหารต่างๆ วิทยากรผู้เชี่ยวชาญด้าน Clean food มีเกร็ดต่างๆมาเล่าให้ฟัง เลยสรุปมาเล่าสู่กันฟัง พอเป็นสังเขป จริงๆมีมากกว่านี้



1. พวกขนมปังปี๊บ กระบวนการผลิตบางแห่งไม่ดี ไส้สับปะรด เป็นมันแกวหรือพืชอื่น ๆ กวนใส่น้ำตาล และใส่กลิ่นกับแกนสัปปะรดไปนิดหน่อย



2. เชอรี่บนขนมเค้กราคาถูกตามตลาดสด คือ มะเขือเปาะฟอกสีจนใสเป็นวุ้น แล้วย้อมสีแดง (ผงฟอกสีทำให้เป็นโรคไต) พวกที่ใช้สารฟอกสีอื่นๆ เช่น มะม่วงกวน (แผ่นใส ๆ) ยอดมะพร้าวขาว ๆ

3. ซูชิในตลาดนัดที่อากาศร้อน แบคทีเรียจะเจริญเติบโตเร็ว ชูชิต้องเสริฟเย็นเท่านั้น


4. เอแคลร์กับลูกชุบ หรือขนมอะไรที่ต้องมีการปั้น ๆ ถู ๆ ต้องพึงระวังสุขอนามัย ควรซื้อกับร้านค้าที่รู้จักหรือมีชื่อเสียงเท่านั้น

5. ลูกอมสีอื่น ๆ เช่น ฟ้า เขียว ม่วง เป็นสีที่ขาย ไม่ดีไม่ควรซื้อเพราะใช้สีที่เก็บไว้นาน ทานลูกอมสีแดง ขาว ได้

6. ปลายหน้าร้อนต่อต้นหน้าฝน ไม่ควรกินอาหารทะเล เพราะฝนเริ่มตกจะชะฝุ่นบนพื้นดินลงทะเล และสัตว์ทะเลจะกินเข้าไป จะมีแต่ไวรัส แบคทีเรีย โอกาสท้องเสียมีสูง

7. พวกอาหาร Pack สำเร็จมา wave ที่บ้าน wave ได้ ครั้งเดียวเท่านั้นไม่ควรล้าง Package มาใส่ wave ซ้ำเพราะสารพิษจะออกมา

8. โยเกริ์ตต่างๆ จะมีแป้งผสมอยู่ประมาณ 20% ควรทานโยเกริ์ต Home made ถ้วยเล็ก! ๆ (ลองหยดไอโอดีนพิสูจน์ดูก็ได้ จะพบว่าโยเกริ์ตเป็นสีน้ำเงิน)

9. น้ำปลาเปิดขวดแล้ว ควรมีอายุการใช้ไม่เกิน 1 เดือน

10. ระวังเชื้อราตามคอขวดที่เปิดแล้วต่าง ๆ

11. กระดาษหนังสือพิมพ์ อย่าเอามาห่อผักแช่ตู้เย็น (มีสารพิษ จากหมึก)

12. อาหารกระป๋องถ้าใช้ไม่หมดควรเอาออกจากกระป๋องใส่ภาชนะอื่นแช่ตู้เย็น

13. ฟองน้ำล้างจานที่มีน้ำยาผสมน้ำทิ้งไว้ (เป็นน้ำๆ) ทิ้งไว้ได้ไม่เกิน 1 ชั่วโมง แบคทีเรียจะขึ้น ควรเททิ้งไป

14. อาหารหมักดองต้องระวังมีไวรัสที่ทำลายกล้ามเนื้อ กล้ามเนื้ออ่อนแรง ผักกาดดองตามท้องตลาดในโรงงานบางแห่งจะมีกระบวนการผลิตที่ไม่สะอาด (ใช้คนลงไปในอ่างดอง เราไม่แน่ใจว่าคนนั้นๆ มีโรคหรือไม่) ควรใช้ผักกาดดองกระป๋องที่เชื่อถือได้

15. เบียร์สดจะไม่ถูกกรองยีสต์ที่ตายแล้วออก เราจะกินศพยีสต์เข้าไปด้วย(เบียร์ขวดจะถูกกรองไปแล้ว) แต่กินได้ไม่เป็นไร
ที่มา: fwd

read more “อาหารที่ควรหลีกเลี่ยงจากอบรม GMP”
 

Followers

เกี่ยวกับฉัน

รูปภาพของฉัน
กรุงเทพฯ, Thailand
ปริญญาตรี คณะเศรษฐศาสตร์ ม.เกษตรศาสตร์ KU58, ปริญญาโท บริหารธุรกิจ ม.เทคโนโลยีพระจอมเกล้าธนบุรี 2548

เคล็ดลับสาวพันปีกับอาหารเพื่อสุขภาพ Copyright 2009 Shoppaholic Designed by Ipietoon Image by Tadpole's Notez