วันจันทร์ที่ 22 มิถุนายน พ.ศ. 2552

ชีวิตสู้มะเร็ง อ.ภูสิต เพ็ญศิริ


ทุกคนต่างกลัวความตายกันทั้งนั้น แต่จะมีสักกี่คนที่สามารถเอาชนะ และใช้ชีวิตได้อิสระเสรียิ่งกว่าเก่า เหมือนอาจารย์ภูสิต เพ็ญศิริ

เขาพาตัวเองให้พ้นมือมัจจุราชด้วย "ความรู้" ได้นานกว่า 7 ปีแล้ว
หลังสิ้นเสียงทักทายพร้อมรอยยิ้มสดใส กับร่างกายที่ฟิตผิดจากคนป่วยด้วยโรคร้าย จึงอดถามไม่ได้ว่า "คุณเป็นมะเร็งจริงหรือ?"

"ผมก็ไม่เคยคิดว่าตัวเองจะเป็นโรคนี้มาก่อนเลย เพราะเชื่อว่าโรคที่ผมเป็นตอนเด็ก ทั้งโลหิตจาง ภูมิแพ้ ไทฟอยด์ขึ้นสมอง น่าจะทำให้ผมโชคร้ายที่สุดแล้ว จึงไม่น่าจะมีอะไรมาทำร้ายผมอีก แต่ผมก็โดนมะเร็งเล่นงานเอาจนได้"
เพราะความผิดปกติของน้ำหนักตัวลดลงเกือบ 10 กิโลกรัมภายในเดือนเดียว และความรู้สึกเหนื่อยง่ายกับการสอนหนังสือต่อเนื่องทั้งที่ไม่เคยเป็นมาก่อน ทำให้ร่างกายของภูสิต เพ็ญศิริ ค่อยๆ ทรุดลง จนเขาเริ่มสงสัยแล้วว่า เกิดอะไรขึ้น !!

ผลการตรวจสุขภาพประจำปีครั้งใหญ่ และผลการตรวจไขกระดูกพบคุณภาพเกล็ดเลือดต่ำกว่ามาตรฐาน กลายเป็น "เดดโน้ต" ชี้ชะตาภูสิตว่า "เขาเป็นมะเร็งเม็ดเลือด"
และจุดนี้เองกระบวนการคิดชั้นพิเศษ "เพื่อความอยู่รอด" ก็เกิดขึ้น

"ตอนนั้นคิดอย่างเดียวว่าเป็นมะเร็งต้องตาย พอคิดอย่างนั้น อะไรจะเกิดขึ้นถ้าเราไม่อยู่แล้ว พ่อแม่จะไม่มีใครดูแลใช่มั้ย นั่นไง เราต้องอยู่ต่อไปสิ ความคิดมันไหลออกมาทันทีว่าจะทำอย่างไร แล้วผมต้องทำอะไรบ้าง และความโชคดีของลูกคนเดียวนี่เอง ทำให้ผมต้องหัดคิดเอง ตัดสินใจเอง นั่นทำให้เป้าหมายของผมชัดขึ้นมากในตอนนั้น"

เมื่อฟันธงว่าตัวเองจะต้องไม่ตาย ภูสิตจำเป็นต้องใช้พลังมหาศาลเพื่อสร้างกำลังใจให้กับตัวเองก่อน โดยอาศัย "ขุมความรู้" ที่สั่งสมมา

เขาขุดความสนใจโหราศาสตร์ตั้งแต่สมัยมัธยม เพื่อตรวจดวงชะตาจากวันเดือนปีเกิดตัวเองว่าถึงฆาตหรือไม่ ผลคือปีนี้จะมีเพียงกรรมเก่าตัดทอน ยังไม่มีดวงถึงเคราะห์

นั่นทำให้ที่ปรึกษาการตลาดวัย 39 ปี ใจพองขึ้นหลายเซนฯ และมั่นใจที่จะรักษาตัวด้วยยาเคมีบำบัดหรือคีโมเทอราปี แม้ว่าแพทย์เองยังไม่รับรองว่ายาชนิดนั้นจะตอบสนองกับเขาก็ตาม แต่ภูสิตกลับเชื่อว่าร่างกายมนุษย์มีเวลารักษาตัวเอง (Reset) หากเราสดชื่นกับมัน อาจไปไหว้พระเสริมดวงเพิ่มความสบายใจ ร่างกายก็จะมีต่อมบางอย่างผลิตสารเพื่อช่วยฆ่าโรคได้

นอกจากกระตุ้นกำลังใจด้วยตัวเองแล้ว หากคนรอบข้างจะร่วมบริหารจิตวิทยาผู้ป่วยบ้าง อาจารย์ภูสิต เสริมขึ้นว่า ต้องกระตุ้นให้คนป่วยรู้ว่าต้องทำอะไร หรืออยากทำอะไร เร้าให้เขาสร้างวิธีคิดด้วยตัวเอง และให้กำลังใจตัวเองตลอดเวลา (Motivation) พยายามเปลี่ยนวิธีคิดแบบเดิม ชวนให้เขาค้นหาศักยภาพที่มีในตัว หรือพูดเรื่องทำความฝันด้วยตัวเขาเอง

"เพราะตอนนั้นคนเป็นมะเร็งไม่ต่างจากเด็ก 2 ขวบ พูดอะไรไปก็เท่านั้น เพราะอย่างไรเขาก็จมปลักกับความคิดของตัวเองอยู่ดี แล้วถ้ายิ่งไปถามว่ารู้ได้ยังไงเมื่อไรว่าเป็นมะเร็ง เป็นยังไงบ้าง คนป่วยไม่อยากพูดในสิ่งที่ตัวเองแย่ซ้ำๆ หรอก ผมเลยไม่ยอมให้ใครมาเยี่ยม แต่จะบอกเพื่อนๆ ว่า ถ้าหายจะไปหาเอง แต่ถ้าจะมาเยี่ยมก็มาให้ตลอดนะ"

หลังจากฟื้นฟูจิตใจให้พร้อมสู้ศึกที่เดิมพันด้วยชีวิตแล้ว กรรมการผู้จัดการบริษัทนาโนเสิร์ชต้องเลือกที่จะดร็อปงานหนักซึ่งสร้างรายรับนับแสนบาทต่อเดือน แล้วตัดสินใจเลือกทำในสิ่งที่รัก นั่นคือการเป็นครู
แม้จะไม่คุ้นเคยกับรายได้เพียงหลักหมื่น แต่ภูสิตบอกว่า ส่วนต่างที่หายไป คือการได้สุขภาพจิตดีๆ กลับมา
จาก อารมณ์ "ติสท์" ของลูกศิษย์มัณฑนศิลป์ สาขาออกแบบนิเทศศิลป์ มหาวิทยาลัยศิลปากร

ในขณะเดียวกัน เขาก็ยังสานต่องานเก่า นั่นคือที่ปรึกษาลงทุนต่างประเทศธุรกิจโรงไฟฟ้าชีวมวล ผู้นำพานักธุรกิจเอสเอ็มอีไทยไปจีน และวิทยากร อาจารย์พิเศษมหาวิทยาลัยรัฐและเอกชนหลายแห่ง เพียงแต่ต้องลดเวลาการทำงานลง และบริหารเวลาอย่างมีประสิทธิภาพ เมื่อสอนเสร็จ ก็จำเป็นพักหลับทันที

หลังจากเสร็จสิ้นภาระสร้างเงิน ภูสิตก็ต้องกลับมาดูแลตัวเองโดยอาศัยทฤษฎี "โรคทุกโรคมีอาหารของมัน หากคุณไม่ให้อาหารมัน มันก็ตาย" เป็นพื้นฐาน

แล้วอะไรคืออาหารของมะเร็ง? เขาคิดได้ว่านอกจากความเครียดที่เป็นตัวการสำคัญแล้ว หลายคนบอกว่า "อาหาร" ก็เป็นมฤตยูเช่นกัน

แต่สำหรับอาจารย์ภูสิต เขายังรับประทานอาหารตามปกติ โดยยึดคอนเซปต์ขำขำว่า "ถ้าจะตาย ขอตายอย่างอร่อย" ขณะเดียวกันเขาก็รู้ว่าต้องกินอะไรเข้าไปเพื่อทำให้ร่างกายสมดุล

ภูสิตเล่าให้ฟังว่า เขามีสูตรเด็ดเคล็ด (ไม่) ลับเพื่อพิชิตโรค เริ่มจากปรับพฤติกรรมการกินบ้าง เช่น ส้มตำปลาร้า เขาก็เปลี่ยนจากมะละกอเป็นแครอท หรือเตือนตัวเองให้หยิบคะน้าตามหลังหมูมะนาวรสแซบ เพื่อขับสารพิษออกไป และหากตามใจปากจนเกินไป เขาจะใช้อาหารดีทอกซ์ ขับปัสสาวะ ขับสารพิษในไต โดยเลือกสะตอผัดกะปิ และผัดเผ็ดเป็นฮีโร่

นอกจากอาหารหลักแล้ว ภูสิตยังครีเอทเมนูเครื่องดื่มสูตรมหัศจรรย์ อย่าง น้ำแอ๊บแบ๊ว ซึ่งประกอบด้วยน้ำเก๊กฮวยหรือจับเลี้ยงครึ่งกระป๋องผสมน้ำให้เจือจาง แล้วเติมน้ำผึ้งเข้าไปสักหนึ่งช้อนชา เพราะน้ำผึ้งจะดูดซึมเข้าเม็ดเลือดทันที และต้านอนุมูลอิสระ จึงทำให้ใบหน้าอิ่มเอิบและเกิดสีชมพูระเรื่ออย่างไม่น่าเชื่อ หรือแม้กระทั่งน้ำมะพร้าว เพราะทำให้หยินหยางในร่างกายสมดุล และมันยังช่วยฟอกเลือดอีกด้วย

ขณะเดียวกันก็ต้องพยายามสร้างกล้ามเนื้อด้วยฟิตเนส เพื่อเผาผลาญเหงื่อให้ระบบขับถ่ายของเสียได้ทำงานไปพร้อมๆ กัน

ตอนนี้ก้าวเข้าสู่ปีที่ 8 อาจารย์ภูสิตได้ผ่านวัฏจักรของอาการทรุด ซึ่งจะมาทุก 4 ปีไปแล้ว ด้วยการสร้างขวัญกำลังใจอีกครั้ง กลับไปตั้งต้นใหม่ และบอกกับใครๆ ว่ามะเร็งหมดมุก

อีกทั้งยังใช้หลักความเชื่อของตนเองว่าจะชนะโรคร้ายด้วย 4 ศาสตร์ ได้แก่
- แพทย์ปัจจุบัน จากการรักษาคีโมเพื่อยับยั้งเชื้อไม่ให้ลุกลาม
- แพทย์ทางเลือก อย่างการดีท็อกซ์ร่างกาย
- การสร้างขวัญกำลังใจอย่างเป็นระบบตลอดเวลา โดยเริ่มต้นที่ตัวเราเอง พ่อแม่ หรือลูกศิษย์
- สุดท้ายคือการเชื่อเรื่องบุญ ธรรมะและบุญจะรักษาเรา จึงไปขอพรพระพุทธศาสนา สิ่งศักดิ์สิทธิ์อยู่เรื่อยๆ

ผู้เชี่ยวชาญด้านการตลาดคนเก่งย้ำว่า ชีวิตเป็นของเรา เราสามารถบริหารจัดการได้ หากคิดว่ารอด มันจะมีแนวทางให้เราสมหวัง เพียงแต่ต้องตั้งสติแล้วมองหาทางออก หาแหล่งความรู้ กระตุ้นตัวเอง ทำบุญให้มาก อย่าไปกลัวมันก่อน ถ้ารู้ว่าจะรับมันไม่ได้ ก็อย่าให้มันเกิดแต่แรกดีกว่า

"กลับเป็นความโชคดีที่ผมเป็นมะเร็ง เพราะมันทำให้ผมรู้ว่าเราจะแก้ปัญหาตรงนี้ได้อย่างไร เมื่อเราผ่านมันมาได้แล้ว ผมก็สามารถบอกกับคนอื่นๆ ได้ว่า อย่าไปกลัวมัน อย่าไปคิดว่าต้องตาย มันมีวิธีบริหารจัดการกับมะเร็งได้นะครับ"
ชื่อ : อ.ภูสิต เพ็ญศิริ
ข้อมูลการศึกษา : ปริญญาตรี ภาควิชารัฐศาสนศาสตร์ คณะสังคมศาสตร์ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์
: ปริญญาโท นิเทศศาสตร์มหาบัณฑิต มหาวิทยาลัยศรีปทุม คณะบริหารธุรกิจ สถาบันพัฒนบริหารศาสตร์
ประสบการณ์การทำงาน : ผู้อำนวยการศูนย์ SBIC
: ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ บริษัท เธิร์ดเวฟ เอ็ดดูเคชั่น จำกัด
: อาจารย์พิเศษด้านการสื่อสารการตลาด มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์,มหาวิทยาลัยศิลปากร,มหาวิทยาลัยเซนต์จอห์น,มหาวิทยาลัยรังสิต
ที่มา: โดย : ชฎาพร นาวัลย์ chadaporn_n @ nationgroup.com

0 ความคิดเห็น on "ชีวิตสู้มะเร็ง อ.ภูสิต เพ็ญศิริ"

แสดงความคิดเห็น

 

Followers

เกี่ยวกับฉัน

รูปภาพของฉัน
กรุงเทพฯ, Thailand
ปริญญาตรี คณะเศรษฐศาสตร์ ม.เกษตรศาสตร์ KU58, ปริญญาโท บริหารธุรกิจ ม.เทคโนโลยีพระจอมเกล้าธนบุรี 2548

เคล็ดลับสาวพันปีกับอาหารเพื่อสุขภาพ Copyright 2009 Shoppaholic Designed by Ipietoon Image by Tadpole's Notez