แต่ยังดีที่คุณสามารถใช้หนี้การนอนได้ ก่อนอื่น ถ้าคุณรู้ล่วงหน้าว่าจะต้องอดนอนสักสองสามคืน ให้พยายามนอนนานขึ้นหนึ่งชั่วโมงทุกคืนเพื่อสะสมชั่วโมงการนอนไว้ เมื่อกิจกรรมที่ทำ ให้คุณต้องอดนอนสิ้นสุดลงก็ให้นอนชดเชยอีก โดยคุณต้องเข้านอนเร็วขึ้นติดต่อกันสักสองสามคืน แล้วหลังจากนั้นต้องนอนให้ได้คืนละสักเจ็ดหรือแปดชั่วโมงเป็นอย่างน้อย
วันอังคารที่ 29 กันยายน พ.ศ. 2552
ใช้หนี้การนอน
ป้ายกำกับ: เคล็ดลับการนอน, เคล็บลับสุขภาพ, สุขภาพสาวๆ
แต่ยังดีที่คุณสามารถใช้หนี้การนอนได้ ก่อนอื่น ถ้าคุณรู้ล่วงหน้าว่าจะต้องอดนอนสักสองสามคืน ให้พยายามนอนนานขึ้นหนึ่งชั่วโมงทุกคืนเพื่อสะสมชั่วโมงการนอนไว้ เมื่อกิจกรรมที่ทำ ให้คุณต้องอดนอนสิ้นสุดลงก็ให้นอนชดเชยอีก โดยคุณต้องเข้านอนเร็วขึ้นติดต่อกันสักสองสามคืน แล้วหลังจากนั้นต้องนอนให้ได้คืนละสักเจ็ดหรือแปดชั่วโมงเป็นอย่างน้อย
ขัดฟันให้ถูกวิธี
ป้ายกำกับ: เคล็บลับสุขภาพ, ดูแลฟัน, สุขภาพสาวๆ
จากคำกล่าวของผู้เชี่ยวชาญด้านทันตกรรม การรูดไหมขัดฟันไปตามแนวเหงือกเป็นการปฏิบัติที่ไร้ประโยชน์ การขัดจนเจ็บแบบให้วาวราวกับขัดรองเท้ามักทำให้เหงือกเลือดออกจนคนไม่อยากใช้ไหมขัดฟัน และที่ต่างจากความเชื่อของคนทั่วไปคือ ไม่ว่าจะขัดซอกฟันก่อนหรือหลังแปรงฟัน ผลที่ได้แทบไม่ต่างกัน เพราะมีสิ่งที่สำคัญกว่านั้น ควรขัดฟันวันละครั้งแล้วบ้วนปากตาม จะช่วยขจัดเศษที่ติดค้างให้หลุดออกไป
ลองปฏิบัติตามคำแนะนำห้าขั้นตอนง่ายๆ และใช้ไหมขัดฟันเพื่อสุขภาพที่ดีของช่องปาก
วันพุธที่ 23 กันยายน พ.ศ. 2552
ภาวะไตเสื่อม
ป้ายกำกับ: เคล็บลับสุขภาพ, ไตเสื่อม, สุขภาพสาวๆ
การแก้ไข
อาการไตเสื่อมจะเกิดใน2 ลักษณะ แยกเป็น ไตหยิน กับ ไตหยาง
ส่วนอีกลักษณะคือ ไตหยิน หรือ ไตคลาย
การใช้ชีวิตที่ไปเพิ่มปัจจัยหยินได้แก่
สำหรับคนที่นอน และ ทำงานผิดเวลาตามหลักวงจรธรรมชาตินั้น กลางวัน คือ เวลาสำหรับ ทำงาน เรียนหนังสือ กลางคืน คือ สำหรับพักผ่อน นอนหลับ ( หยางเคลื่อนไหว หยินสงบนิ่ง) การใช้ชีวิตที่ผิดวงจรนั้น จะส่งผลถึงสุขภาพร่างกาย และจิตใจ อย่างแน่นอน แม้จะยังไม่แสดงตัวออกมาอย่างเต็มที่ นั่นเพราะ ตัวคุณมี " ทุน" ที่ยังค้ำยันอยู่ แต่ ทุนจะหมด เพราะการใช้ชีวิตที่ผิดสะสม
อาหารที่ควรเลือกรับประทานเป็นหลัก ได้แก่
การใช้ชีวิตที่ควรปรับเพิ่ม
วันพฤหัสบดีที่ 17 กันยายน พ.ศ. 2552
อาหาร "แพงที่สุดในโลก"
ป้ายกำกับ: อาหารที่ควรหลีกเลี่ยง, อาหารลดโลกร้อน
แซฟฟรอน เป็นเครื่องเทศที่ได้มาจากเกสรตัวเมีย (สีแดงอมส้ม) ของดอกแซฟฟรอน โครคัส ซึ่งแต่ละดอกจะมีเพียง 3 เกสรเท่านั้น
ด้วยเหตุนี้ การที่จะผลิตแซฟฟรอนแห้งให้ได้น้ำหนักเพียง 1 ปอนด์ (0.45 ก..ก.) จะต้องใช้ดอกแซฟฟรอน โครคัส มากถึง 50,000-75,000 ดอก หรือปริมาณมากเท่ากับ 1 สนามฟุตบอลเลยทีเดียว
ราคาขายส่งและขายปลีกของเครื่องเทศชนิดนี้อยู่ที่ระหว่าง 500-5,000 เหรียญสหรัฐต่อหนึ่งปอนด์
(ราว 17,000-170,000 บาท/0.45 ก.ก) หรือ 1,100-11,000 เหรียญสหรัฐต่อ 1 ก.ก. (ราว 37,400 - 374,000 บาท/ก.ก.)
ถั่วที่มีราคาแพงที่สุดในโลก คือ ถั่วแมคคาเดเมีย ถั่วชนิดนี้จะให้ผลผลิตต่อเมื่อมีอายุตั้งแต่ 7-10 ปีขึ้นไป ซึ่งการปลูกให้ได้ผลผลิตที่ดีนั้นจะต้องหมั่นคอยดูแลใส่ปุ๋ย และปลูกในที่ๆ มีฝนตกชุก ถั่วชนิดนี้เป็นพืชเศรษฐกิจที่มีอยู่หลายสายพันธุ์ด้วยกัน โดยมีถิ่นกำเนิดที่ประเทศออสเตรเลียมากถึง 7 สายพันธุ์ ที่นิว คาเลโดเนีย 1 สายพันธุ์ และ ที่เมืองสุลาเวสี ประเทศอินโดนีเซีย อีก 1 สายพันธุ์ แต่สายพันธุ์ที่มีความสำคัญ และมีมูลค่าในเชิงการค้ามากที่สุดมีเพียง 2 สายพันธุ์ คือ Macadamia integrifolia และ Macadamia tetraphylla
ถือเป็นไข่ปลาคาเวียร์ที่หายากที่สุด และมีราคาแพงที่สุด โดยมีราคาสูงถึงเกือบ 25,000 เหรียญสหรัฐต่อ 1 ก.ก. (ประมาณ 850,000 บาท/ก.ก.) ในขณะที่ราคาเฉลี่ยของเบลูก้า คาเวียร์ โดยทั่วไปในปัจจุบันจะอยู่ที่ 7,000 - 10,000 เหรียญสหรัฐต่อ 1 ก.ก. (ราว 2.38 -3.4 แสนบาท/ก.ก.)
เห็ดที่มีราคาแพงที่สุดในโลกคือ เห็ดทรัฟเฟิลขาว ซึ่งมีถิ่นกำเนิดในแถบ Langhe แห่งแคว้นปีเอมอนเต ทางตอนเหนือของ ประเทศอิตาลี ในอดีตคนเก็บเห็ดทรัฟเฟิลจะใช้หมูช่วยดมกลิ่นค้นหา แต่ระยะหลังๆ มักนิยมใช้สุนัขมากกว่า เพราะสุนัขจะไม่กินเห็ดเหมือนหมูเห็ดชนิดนี้มีราคาขายสูงถึง 1,700 - 3,800 ยูโร ต่อ 1 ก.ก. (ราว 82,000 - 183,502 บาท/ก.ก)
ประมูลไปในราคาสูงถึง 200,000 ดอลลาร์สหรัฐ หรือราว 6.8 ล้านบาท แต่สถิติเห็ดทรัฟเฟิลขาวราคาสูงสุดที่มีการบันทึกไว้ คือ
330,000 ดอลลาร์สหรัฐ หรือกว่า 11 ล้านบาท ซึ่งนายสแตนลีย์ โฮ เจ้าเก่า เป็นผู้ชนะประมูลเมื่อปี ค.ศ. 2007
มันฝรั่งราคาแพงที่สุดในโลก คือ “La Bonnotte” ปลูกได้เฉพาะบนเกาะนีวร์มูทีเยของประเทศ ฝรั่งเศสเท่านั้น แถมปีหนึ่งๆ ยังเก็บเกี่ยวได้เพียง 10 วัน ทั้งยังบอบบางมากเสียจนต้องใช้มือถอน และให้ผลผลิตเพียงปีละ 20,000 ก.ก. ด้วยเหตุนี้ มันฝรั่งที่ว่าจึงมีราคาสูงถึงกิโลกรัมละกว่า 2.3 หมื่นบาทเลยทีเดียว
เนื้อแพงที่สุดในโลก คือ เนื้อที่มาจากวัววากิว (Wagyu) ประเทศญี่ปุ่น วัววากิวถือเป็นวัวพื้นเมืองที่มีอยู่หลายสายพันธุ์ด้วยกัน
ชาวญี่ปุ่นจะเลี้ยงดูวัวเหล่านี้อย่างดีเป็นพิเศษ ไม่ว่าจะเป็นการให้หญ้าพันธุ์ดี ธัญพีช ฟาร์มบางแห่งถึงขนาดมีการนวดผ่อนคลาย
กล้ามเนื้อให้วัว หรือไม่ก็ผสมสาเก หรือเบียร์ ลงไปในอาหาร เนื้อวัวหลายชนิดที่คนรักเนื้อในบ้านเรารู้จักกันดีอย่างเช่น เนื้อโกเบ และมัตสึซากะ ฯลฯ ก็มาจากวัววากิวเช่นกัน แต่สาเหตุที่ เรียกชื่อต่างกันเป็นเพราะว่าเลี้ยงกันคนละเมือง (เนื้อโกเบ มาจากฟาร์มในเมืองโกเบ ส่วนเนื้อมัตสึซากะมาจากฟาร์มในเมืองมัตสึซากะ เป็นต้น)เนื้อจากวัววากิวมีคุณค่าทางโภชนาการสูง และไขมันต่ำ รสชาติอร่อย นุ่มลิ้น ราวกับละลายในปาก จึงมีราคาสูงมาก - ที่ยุโรป
เนื้อจากวัววากิวน้ำหนักประมาณ 200 กรัม มีราคาขายสูงกว่า 34,000 บาท
7. แซนด์วิชแพงที่สุดในโลก - คลับแซนด์วิช "von Essen Platinum"
นี่คือโฉมหน้าแซนด์วิช "แพงที่สุดในโลก" ฝีมือนายเจมส์ พาร์คินสัน หัวหน้าเชฟของโรงแรมหรู "von Essen" ในเมืองเบิร์กเชียร์ ประเทศอังกฤษ หลังจากสังเกตุส่วนผสมของแซนด์วิชในโรงแรมหรูห้าดาวทั่วโลกที่เขาได้มีโอกาสไปเยี่ยมเยียน เขาจึงคิดรวบรวมส่วนผสมที่ดีที่สุดของแซนด์วิชในแต่ละโรงแรมมาไว้ในอันเดียวกันด้วยเหตุนี้ “von Essen Platinum Club Sandwich” ของเขาจึงกลายเป็นคลับแซนด์วิชแพงที่สุดในโลก ซึ่งมีทั้งหมด 3 ชั้น
ประกอบด้วยส่วนผสมหลักคือ เนื้อไก่อย่างดี (พันธุ์ poulet de Bresse ของฝรั่งเศส) แฮม Iberian ซึ่งได้ชื่อว่าเป็นแฮมหายาก
คุณภาพเยี่ยมจากประเทศสเปน เห็ดทรัฟเฟิลขาวและมะเขือเทศจากประเทศอิตาลี ไข่นกกระทาต้มสุก และขนมปังที่ผลิตจาก
แป้งชนิดพิเศษ แซนด์วิช "von Essen Platinum" ของเชฟพาร์คินสัน จำหน่ายในราคาอันละ 100 ปอนด์ หรือกว่า 5.5 พันบาท ถ้าใครอยากลองทาน ว่าจะเด็ดสักแค่ไหน ก็ไปพิสูจน์ได้ที่ภัตตาคาร "Cliveden’s Waldo" ของโรงแรม "von Essen "
พิซซ่าที่แพงสุดในโลก คือ พิซซ่า "Louis XIII" ฝีมือเชฟหนุ่มชาวอิตาลีที่ชื่อ "เรนาโต้ วิโอล่า" พิซซ่า "Louis XIII" มีขนาด 8 นิ้ว ก่อนทำต้องใช้เวลาในการเตรียมแป้งเป็นเวลานานถึง 72 ช.ม. ขณะที่ท็อปปิ้งหรือหน้าพิซซ่าล้วนมาจากส่วนผสมคุณภาพเยี่ยม อาทิ ชีส mozzarella di bufala ไข่ปลาคาเวียร์ 3 ชนิด กุ้งล็อบสเตอร์จาก Cilento (ในอิตาลี) และประเทศนอร์เวย์ โรยหน้าด้วยเกลือสีชมพูที่มาจากแม่น้ำ Murray ในประเทศออสเตรเลีย ฯลฯ
พิซซ่าแพงสุดในโลก "Louis XIII" จำหน่ายในราคาอันละ 8,300 ยูโร หรือเกือบ 4 แสนบาท (ราคานี้รวมค่าตัวเชฟและผู้ช่วยอีก 2 คน
ที่จะหอบข้าวของและอุปกรณ์ต่างๆ ไปทำพิซซ่าถึงบ้านลูกค้า)
"ออมเล็ต" หรือไข่คน แพงที่สุดในโลกหารับประทานได้ที่ภัตตาคาร "Le Parker Meridien" ในกรุงนิวยอร์ค สหรัฐอเมริกา ที่นั่นเขาขายออมเล็ต (ภาพบน) จานละ 1,000 เหรียญ หรือประมาณ 34,000 บาท ประกอบด้วยส่วนผสมหลัก ได้แก่ ไข่ปลาคาเวียร์ (sevruga) น้ำหนัก 10 ออนซ์ กุ้งล็อบสเตอร์ทั้งตัว และไข่อีก 6 ฟอง เป็นต้น (เขาว่าถ้านำส่วนผสมทั้งหมด มาทำเองที่บ้าน ค่าใช้จ่ายจะอยู่ที่ราวๆ 700 เหรียญ หรือประมาณ 23,800 บาท)
มีจำหน่ายที่ร้าน Serendipity 3 ในแมนฮัตตัน กลางกรุงนิวยอร์ค สหรัฐอเมริกา ด้วยสนนราคาถ้วยละ 25,000 เหรียญสหรัฐ หรือประมาณ 850,000 บาท“Frrrozen Haute Chocolate” คือ ชื่อของช็อคโกแลต ซันเดแพงระยับถ้วยนี้ ส่วนสาเหตุที่มีราคาแพงเนื่องมาจากไอศครีม
ชนิดทานได้ น้ำหนัก 5 กรัม ไอศครีมดังกล่าวจะถูกบรรจุลงในถ้วยทองคำ ที่มีแผ่นทองคำชนิดทานได้รองอยู่ภายในถ้วย นอกจากนี้บริเวณฐานของถ้วยไอศครีม
ยังตกแต่งด้วยสร้อยทอง 18 เค พร้อมกับเพชรแท้สีขาวอีก 1 กะรัต
เท่านั้นยังไม่พอ ไอศรีมถ้วยนี้ยังถูกแต่งหน้าด้วยวิปครีม โรยทับอีกชั้นด้วยทองคำ ประดับด้วยช็อคโกแลต "La Madeline au Truffle"
จากร้าน Knipschildt Chocolatier ที่ขายในราคาปอนด์ละ 2,500 เหรียญ (85,000 บาท/0.45 กก.) สำหรับช้อนทองที่เห็นในภาพว่าประดับด้วยเพชรสีขาวและสีช็อคโกแลต ลูกค้าสามารถนำกลับไปดูเล่นที่บ้านได้ ...
แต่ถ้วยและสร้อยทองคล้องเพชร 1 กะรัตห้ามเอาไป ไม่อย่างนั้นคงไม่ได้ออกจากร้านแน่นอน
วันจันทร์ที่ 14 กันยายน พ.ศ. 2552
คนรักยีนส์ควรทราบ
วันพฤหัสบดีที่ 10 กันยายน พ.ศ. 2552
ดื่มบร็อกโคลี-องุ่นเขียวทำลายเซลล์มะเร็ง
ป้ายกำกับ: การรักษาแผนธรรมชาติ, ธรรมชาติบำบัด, มะเร็งปากมดลูก
วันพุธที่ 9 กันยายน พ.ศ. 2552
บทความสุดท้ายจาก ดร.อภิวัฒน์
ป้ายกำกับ: ชีวิตสู้มะเร็ง, มะเร็งลำไส้
จากนิตยสารรายเดือน จีเอ็ม ฉบับเดือน พฤษภาคม 2549 หน้า 232-233
1) ตอนที่ผมไปเรียนต่อต่างประเทศ เราจะกลัวไปหมดทุกเรื่อง แต่คุณแม่เขียนจดหมายมาสอนผมว่า อย่ากลัวในสิ่งที่มองไม่เห็น เพราะถ้าเราไปตั้งท่ากลัวเสียก่อนมันก็จะไม่เกิดสติปัญญาที่จะไปแก้ไขปัญหา สู้เราทำตัวสบาย ๆ แล้วแก้ไขปัญหาไปตามธรรมชาติจะดีกว่า
2) คนไทยเราเรียนปริญญาโทเพราะคิดว่าเรียน ๆ ไปเถอะ เราแยกเอาการเรียนรู้และชีวิตออกจากกัน เชื่อแต่ว่าพอจบการศึกษาแล้วค่อยใช้ชีวิต แต่ในต่างประเทศการเรียนรู้เป็นการกระทำที่ต่อเนื่อง มันเป็นสิ่งที่เคียงคู่กับการใช้ชีวิต
3) คุณพ่อ-คุณแม่ผมเป็นคนที่เชื่อมั่นในการศึกษา การศึกษาเป็นสิ่งที่ไม่สามารถมีใครขโมยไปได้ การศึกษาเป็นทรัพย์สินที่ต่อเนื่อง คุณพ่อ-คุณแม่จึงพยายามทุกวิถีทางให้ผมมีการศึกษาที่ดี ยอมขายที่นา เพื่อให้สามารถส่งเสียผมไปเรียนได้ ทุกครั้งที่เห็นเด็กไม่สนใจการเรียน ผมจะรู้สึกเศร้าใจมาก ๆ หากมีโอกาสได้ทำบุญ ผมจะเลือกทำบุญกับโอกาสทางการศึกษาของเด็ก
4) การที่คนเราจะมองหาจุดมุ่งหมายของชีวิตให้เจอ มันเกิดขึ้นต่างรูปแบบกัน ต้องถามตัวเองว่า อะไรคือสิ่งที่เราอยากจะทำที่สุดในชีวิตกันแน่ ผมเชื่อว่าทุกคนต้องหาให้เจอ ไม่ช้าก็เร็ว เราจะได้มีพลังขับเคลื่อนให้ไปถึงจุดมุ่งหมาย
5) ผมคร่ำเคร่งกับการเรียนเพราะเป็นสิ่งที่เราไปอยู่ตรงนั้นเพื่อที่จะทำมัน เราไม่ได้ไปอเมริกาเพื่อท่องเที่ยว เราไปเพื่อศึกษา อย่าลืมว่าผมทำงานไปด้วย เพราะฉะนั้นผมไม่ได้พลาดโอกาสที่จะเรียนรู้ชีวิตในอีกแบบหนึ่ง ในขณะเดียวกันผมก็ไม่พลาดโอกาสที่จะเปิดหูเปิดตาไปท่องเที่ยว ผมคิดว่า ชีวิตผมค่อนข้างจะรอบด้าน ได้ศึ่กษาทั้งวิชาการและทำงานแบบผู้ใช้แรงงาน
6) มองย้อนหลับไป ผมจะเลือกเงินหรือชีวิตเหรอ? ก็ผมนี่ไงผมเป็นตัวอย่างของคนที่มุ่งหน้าหาเงิน เพราะว่าผมมีแผนการในชีวิตมากมายที่ต้องสร้างสมเอาไว้เพื่อครอบครัว มันไม่ถึงกับลืมใช้ชีวิตหรอก แต่ไม่ค่อยได้มีโอกาสใช้ชีวิตมากกว่า ที่สุดแล้วมันก็นำพาซึ่งความเจ็บป่วย ที่สุดแล้วผมก็หาเงินตามจุดมุ่งหมายได้ไม่มากเท่าที่ควร เราบอกว่าเราจะทำงานสัก 20 ปี แต่ว่าโอกาสของเรามีแค่ 10 ปี เพราะหลังจากที่ตรากตรำทำงานมาหนัก ร่างกายบอกว่ามันทำได้แค่นี้ เพราะฉะนั้นก็ลงเอยด้วยการที่ไปไม่ถึงฝั่งฝัน
7) ถ้าย้อนเวลากลับไปได้ ผมคงเลือกทั้งเงินและชีวิตเพราะว่าเราปฏิเสธไม่ได้ว่าเงินก็ยังเป็นสิ่งที่หล่อเลี้ยงชีวิต แต่ว่ามันไม่ใช่สรณะ ผมเลือกที่จะกระจายการทำงาน กระจายความทุ่มเทนั้นออกไป เพื่อให้สามารถทำงานได้นานมากขึ้น และตัวผมเองสามารถที่จะมีชีวิตอยู่ต่อไปได้นาน ๆ
8) ความทรงจำที่มีค่ามากสำหรับผม มักเกิดขึ้นในช่วงเวลาเล็ก ๆ ที่ผมอยู่กับตัวเอง
9) ผมเคยเขียนการ์ดเล็ก ๆ ให้ภรรยา สรุปความได้ว่า เวลาที่คนสองคนเดินไปบนชายหาด ตอนที่เราหันกลับมามองก็จะเห็นเป็นรอยเท้าเล็ก ๆ 2 คู่ เดินไปเดินมา ทำไมเราจึงเห็นรอยเท้าเหลืออยู่แค่คู่เดียวล่ะ อีกคนหนึ่งหายไปไหนหรือ คำตอบคือไม่มีใครหายไปไหนหรอก แต่อีกคนกำลังอุ้มอีกคนหนึ่งเอาไว้ ผมหมายถึงตัวผมอุ้มเขาอยู่ เป็นคำมั่นสัญญาว่าผมจะดูแลเขาไปจนกว่าชีวิตจะหาไม่
10) ครั้งหนึ่งที่ผมฟังดุริยมนตราซึ่งเป็นเสียงสวดมนต์ที่ประกอบไปกับดนตรี ผมฟังแล้วผมร้องไห้มาก แล้วบอกกับตัวเองว่าถ้าชีวิตผมจะหาไม่จริง ๆ ด้วยอาการเจ็บป่วยนี้ ผมอยากจะบอกคุณพ่อกับคุณแม่ว่า ผมได้คุณพ่อกับคุณแม่ที่ประเสริฐที่สุด ไม่ใช่แค่เลี้ยงดูสั่งสอนให้แนวทางชีวิตในยามที่ผมปกติดีอยู่ แต่ในยามเจ็บป่วยคุณพ่อ-คุณแม่ไม่เคยห่าง มาหาผมที่โรงพยาบาลทุกวัน อยากให้ท่านได้รู้ว่าผมมีคุณพ่อ-คุณแม่ที่ผมไม่สามารถเรียกร้องหาได้ดีกว่านี้จากที่ไหน
11) ในความเป็นพ่อ ผมให้คะแนนความพยายามมากกว่าผลสัมฤทธิ์ที่เกิดขึ้น ผมคิดว่าคะแนนความพยายามของผมที่ 80 มันไม่เต็มร้อยหรอกครับเพราะมีข้อจำกัดเรื่องเวลา แต่ลูก ๆ มีแกนกลางคือ เขามีแม่ที่ดี เพราะฉะนั้นลูก ๆ จะไม่เคยรู้สึกว่าขาดพ่อ เพราะว่าแม่ทดแทนได้หมด แม่ไม่ใช่เพียงแค่คนที่พยายามรักษาความสมดุลในครอบครัว แต่เขาเป็นศูนย์กลางของจักรวาลในครอบครัวเรา นี่ ไม่ใช่การถ่อมตน แต่เป็นการพูดในความรู้สึกที่แท้จริง เขาเป็นดวงใจของเราทุกคน ให้กลับกัน ผมไม่เชื่อด้วยซ้ำว่าผมทำได้ เพราะว่าผมอาจจะถนัดเรื่องจัดหามากกว่าการดูแล ใครอยากได้อะไร ผมจะหามาให้ ขอแค่ให้รู้เถอะไม่ต้องเอ่ยปากหรอกผมจะไปหามาให้
12) ชีวิตผมไม่มีอะไรนอกจากบริษัท เจเอสแอลและครอบครัว ผมมีแค่นี้ ผมไม่มีอย่างอื่นอีกแล้ว
13) การเป็นพ่อเป็นเรื่องของธรรมชาติ ไม่ต้องใช้อะไรเป็นพิเศษไปมากกว่าความรักทั้งหมด ผมเคยเซ็นหนังสือให้ลูกว่า ”สำหรับน้องเพชร ด้วยความรักทั้งหมดในหัวใจพ่อ” ถ้าคุณรักลูก คุณก็พร้อมที่จะทำทุกอย่างกับเขา และตรงนี้ต่างหากที่เพิ่มเติมมาด้วยสติปัญญาพร้อมจะทำทุกอย่างเพื่อที่จะมีเวลาอยู่ด้วยกัน เรียนรู้ถึงความต้องการและความฝันของเขา แต่บางครั้งลูกก็ไม่ได้อยากอยู่กับเราเสมอไป เขาอาจจะมีธุระอื่น ฉะนั้นความรักและความเข้าใจจะต้องมาเป็นอันดับต้นเลย เราต้องพยายามหาหนทางละมุนละไมที่จะโอบแขนของเขาเข้าไปอยู่ในชีวิตของเขาให้ได้
14) ผมไม่ขอเปรียบเทียบชีวิตการเป็นพิธีกรของผมกับคนอื่นๆ ตอนที่ทำรายการจันทร์กะพริบใหม่ๆ ผมจบดอกเตอร์มา มันยิ่งสร้างความคาดหวังว่าจะทำอะไรดีๆ ได้อีกเยอะต้องศึกษาหาความรู้เยอะ อ่านประวัติของแขกรับเชิญมาล่วงหน้าซึ่งจะทำให้เราไม่รู้สึกห่างไกลจากเขา รายการจันทร์กะพริบเป็นงานที่ยาก ผมใช้เวลากว่า ๒ ปีจึงจะหาตัวเองพบ ต้องยอมรับอย่างหนึ่งว่าการเป็นพิธีกรมันคือการแสดง ในเมื่อมันคือการแสดง อะไรล่ะคือบุคลิกภาพจริง ๆของเรา เวลาที่เราขอคำแนะนำจากใคร 10 คน เราจะได้คำตอบ 10 อย่าง เพราะฉะนั้นผมเลยคิดว่าที่สุดแล้วผมเชื่อตัวเองอีกว่า ผมไม่ใช่คนถามจาบจ้วงหรืออยากให้เฮฮากว่านี้ ผมว่าไม่ใช่ผมผมเป็นคนที่ให้เกียรติคน เป็นคนที่มีบุคลิกพูดง่าย ๆ ว่านุ่มนิ่มบางทีมันเป็นจุดอ่อนแต่เราต้องพัฒนาให้เป็นจุดแข็งให้ได้ เอาความอ่อนโยนมาเป็นเสน่ห์ เอาความนุ่มนิ่มมาเป็นวิธีการถามคำถามทำให้เกิดความอบอุ่นขึ้น
15) ครั้งแรกที่ผมสัมภาษณ์ ทอดด์ ทองดี เขาบอกว่ายูรู้ไหม ว่าการที่ยืนอยู่ด้วยกันบนเวที มันมีไออุ่นของคนที่อยู่ใกล้กัน เขาไม่รู้สึกอบอุ่นแบบนี้กับใครเท่าที่ยืนอยู่ใกล้ผม ผมมีความรู้สึกว่านั่นแหละคือการที่เราหาตัวเองเจอ ธรรมชาติของผมคือเป็นผู้ชายที่อบอุ่นนั่นเอง
16) ทุกวันนี้ผมดูทีวีได้ไม่นาน เพราะว่าเสียงมันดังเกินไป รายการโทรทัศน์น่าจะมีความนุ่มนวลแล้ว ค่อยทะยานขึ้นไปถึงความตื่นเต้น แต่ทุกวันนี้มันมีแต่ความเปรี้ยงปร้าง อาจเป็นเพราะว่าการแข่งขัน มันสูง พิธีกรต้องขุดมุกมาใช้เพื่อให้ได้ชื่อว่าสามารถสร้างเสียงฮาได้ตลอดเวลาซึ่งผมคงสอบตกใน กรณีนี้ แต่ผมเชื่อว่าความแพรวพราวมันมีได้หลายลักษณะ เช่นยิงคำถามแพรวพราวก็ได้ หรือบางที เขาตอบอะไรมา เราอาจจะแสดงความคิดเห็นอะไรกลับไป เป็นความแพรวพราวตรงนี้ก็ได้ ไม่จำเป็นต้องมีมุกตลอดเวลา
17) การเป็นพิธีกรคือโอาสที่ได้เรียนรู้ชีวิตของคนได้แบบเรียนชีวิตโดยไม่ต้องซื้อหามา เป็นประสบการณ์ล้ำค่าที่ไม่มีอะไรทดแทนได้ ผมเรียนรู้ชีวิตของชีวิตของผู้อื่นผมได้ค้นพบว่าชีวิตไม่มีความแน่นอน เราต้องใช้ชีวิตอย่างระมัดระวัง ชีวิตเป็นสิ่งที่มีค่าและในยามที่เรายังมีลมหายใจอยู่ เราน่าจะได้ใช้โอกาสนั้นทำความดี เป็นสิ่งที่เราจะทิ้งไว้ในโลกนี้มันเป็นมรดกของมนุษยชาติอย่างหนึ่งและคนอื่น อาจจะเรียนรู้ได้ในภายหลัง
18) การมีชีวิตอยู่เป็นสิ่งที่ยิ่งใหญ่มาก เราทำให้ห้วงชีวิตเป็นอะไรก็ได้เป็นหนึ่งชีวิตที่เต็มไปด้วยคุณค่าหรือเราทำหนึ่งชีวิตของเราให้เป็นหนึ่งชีวิตที่สร้างความทุกข์ใจให้กับใครสักคนหนึ่งไปตลอดชีวิตก็ได้ ความยิ่งใหญ่ของชีวิตอยู่ที่ว่าเราจะเลือกใช้ชีวิตอย่างไร
19) ผมไม่รู้ว่าจำนวนของคนที่เห็นแก่ตัวบนโลกนี้มีเท่าไหร่ แต่ผมว่าความเห็นแก่ตัวมันเกิดขึ้นได้กับทุกๆคนแหละ มันคือการชั่งน้ำหนักในสิ่งที่เราจะทำ จริง ๆ แล้วก็คงเหมือนกับที่เขาพูดกันว่า ไม่ต้องเป็นคนดีเท่าไหร่หรอก ขอแค่เป็นคนเลวน้อยที่สุดก็พอแล้ว
20) ความกตัญญูรู้คุณคนเป็นสิ่งที่ผมยึดถือเป็นหลักประจำใจ คนเราถ้าไม่รู้จักรู้พระคุณคน มันทำให้เราหลงลืมไปว่าเรามีชีวิตอยู่ทุกวันได้เพราะอะไร คนที่เขาให้เรามาบางทีเขาไม่ได้จดจำเพราะมันเป็นการให้ที่แท้จริง แต่การที่เราได้รับนั้นหมายถึงการได้ส่วนบุญที่ดีมามันเปลี่ยนชีวิตเรามากเพียงพอที่เราควรจะจดจำว่าเรามาถึงฝั่งฝันนี้ได้อ่างไร มีใครบ้างที่ช่วยพยุงเราขณะที่เราว่ายน้ำข้ามมหาสมุทรมา การระลึกถึงพระคุณของคนเป็นสิ่งที่มนุษย์ประเสริฐเขาทำกัน
21) คนที่เป็นผู้ให้ ในชีวิตผมมีมากและผมไม่มีวันที่จะลืมได้เลย ภรรยาผมเขาไม่เคยนึกถึงตัวเองเลย เขานึกถึงแต่ว่าทำอย่างไรสามีเขาจึงจะหาย ผมเรียนเรื่องธรรมชาติบำบัดผมรู้สึกเอาเองว่า ผมรับพลังดีๆ จากธรรมชาติมาเยอะ เรียนรู้ที่จะรับพลังธรรมชาติจากต้นไม้ใบหญ้า ผมรับรู้ถึงความปรารถนาดี ความหวังดีของคนจำนวนมาก คนเหล่านี้เป็นคนที่ผมไม่มีวันลืมไปจากชีวิตนี้ แล้วก็ขอเจอกันทุกชาติไป ผมคิดว่าถ้าผมจะหาย ก็ได้ด้วยพลังรักที่เขามีต่อผม
22) ทุกวันนี้ผมมองทุกอย่างด้วยสายตาเป็นกลางมากขึ้น ผมมองว่าถ้ามันจะเป็นความรู้สึกที่สุด ผมก็จะไม่ดีใจจนเกินเหตุ หรือถ้ามันจะทุกข์นัก ผมก็จะไม่ทุกข์มาก ผมจะอยู่ตรงกลางด้วยความหวังว่า วันของเราจะต้องมาถึง เราได้ฟังเรื่องมหัศจรรย์ที่เกิดขึ้นกับคนหลายคนที่เป็นมะเร็ง ใจผมก็อยากให้สิ่งนี้เกิดขึ้นกับผมบ้าง เมื่อไหร่ปฏิหาริย์จะเกิดขึ้นกับผมสักที ผมท้อแท้บ้าง แต่ผมไม่ยอมแพ้พ่าย ทำไมยังเจ็บปวด เศร้า ทุกขเวทนาอยู่เรื่อย แต่ผมปฏิเสธที่จะตายไปกับโรคนี้
23) ผมเสียใจอยู่ตลอดมาที่มีเวลาให้กับครอบครัวน้อยเกินไป อยากบอกลูกว่า ถ้าพ่อเลือกได้ พ่อคงอยู่บ้านให้มากกว่านี้
ประวัติส่วนตัว ดร.วรฑา วัฒนะชยังกูร อายุ 49 ปีเกิด 13 มิ.ย.2500
ถึงแก่กรรม 27 มิ.ย. 2549 เวลา07.46น.
บิดา เรืออากาศตรี อาชีพ วัฒนางกูร
มารดา นาวาอากาศเอกหญิง พูนศรี ทองปรีชา
มีน้องชาย 1 คน นาวาอากาศตรีอัษฎาวุธ วัฒนางกูร (กัปตันสายการบินไทย)
สมรสกับ นางอทิตา วัฒนะชยังกูร (เดิมชื่อ กมลนาท สุมาวงศ์)
บุตร 2 คน นางสาวกวิตา (แพรว) วัฒนะชยังกูร อายุ 19 ปีนายภาคิน (เพ็ชร) วัฒนะชยังกูร อายุ 17 ปี
ประวัติการศึกษา
พ.ศ.2521 ครุศาสตร์บัณฑิต จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยพ.ศ.2523
Master of Education (Edducational Management and Supervision) Loyola Collage ,Baltimore,Maryland,USAพ.ศ.2527
Doctor of Education Education Administration)Oklahoma State University,Stillwater,Oklahoma,USA
ประวัติการทำงาน
พ.ศ.2527 อาจารย์ภาควิชาภาษาอังกฤษ คณะมนุษย์ศาสตร์ มหาวิทยาลัยกรุงเทพพ.ศ.2528
หัวหน้าภาควิชาภาษาอังกฤษ คณะมนุษยศาสตร์ มหาวิทยาลัยกรุงเทพคณบดีคณะมนุษยศาสตร์ มหาวิทยาลัยกรุงเทพพ.ศ.2532
ผู้อำนวยการฝ่ายกิจการต่างประเทศ มหาวิทยาลัยกรุงเทพพ.ศ.2537-2549
รองประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัทเจเอสแอล จำกัดงานพิธีกรรายการโทรทัศน์พ.ศ.2546-2549
พิธีกรรายการ “คน ค้น ฅน” ทางสถานีโทรทัศน์โมเดิร์นไนน์พ.ศ.2542-2543
พิธีกรรายการ “ถูกใจใช่เลย” ทางสถานีโทรทัศน์กองทัพบกช่อง 7พ.ศ.2532-2542
พิธีกรรายการ “จันทร์กระพริบ” ทางสถานีโทรทัศน์กองทัพบกช่อง 7พ.ศ.2543
พิธีกรรายการ “Gent Request” ทางสถานีโทรทัศน์ไอทีวีพ.ศ.2536-2548
พิธีกรรายการสารคดีสั้นทางโทรทัศน์ อาทิ ไฟฟ้าน่ารู้คู่บ้าน คนรักหนัง เพื่อนหนังสือ คู่มือสื่อสาร ร้อยพันปัญหาโรคผิวหนัง เปิดโลกเอกสาร ฯลฯพ.ศ.2540
พิธีกรรายการ “Business Variety” ทางสถานีโทรทัศน์กองทัพบกช่อง 5
ที่มา : http://www.the-arokaya.com/